วันนี้
.....ข อ ง ข วั ญ ข อ ง แ ม่ คื อ รั ก แ ท้ ข อง ลู ก .....พ ร ะ อ ง ค์ แ ร ก ผู้ แ ส น ดี ใ ห้ ชี วิ ต ...ค รู ค น แ ร ก ผู้ ป ร ะ สิ ท ธิ์ ก า ร ศึ ก ษ า ...ห ม อ ค น แ ร ก ผู้ ถื อ ช้ อ น ค อ ย ป้ อ น ย า...ร ว ม คุ ณ ค่ า นี้ ไ ด้ แ ก่ .... แ ม่ เ ร า เ อ ง ....

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2554

ท่องเที่ยว คำชะโนด เมืองพญานาค ตำนานผีจ้างหนัง

 
                   คำชะโนด ตำบลวังทอง อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี เป็นสถานที่ ที่ชาวบ้านมีความเชื่อว่า พญานาคาอาศัยอยู่ ชึ่งอยู่บริเวณวัดสิริสุทโธ เป็นที่น่าแปลกที่มีป่าขนาดใหญ่ปกคลุมด้วยนานาพรรณไม้โดยเฉพาะ ต้นชะโนด อยู่กลางทุ่งนา ก่อนที่จะเข้าไปชมในบริเวณป่าคำชะโนด ผมได้รับข้อมูลว่าด้วยเรื่องที่มาและความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค ว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากชาวบ้านเชื่อว่าเป็นที่อาศัยอยู่และเป็นสถานที่สู่เมืองบาดาลของ พญานาคตามความเชื่อ อีกทั้งบริเวณรอบศาลาเคยมีร่องรอย คล้ายๆรอยพญานาคอยู่ด้วย ซึ่งชาวบ้านต่างเชื่อว่านั้นคือร่องรอยพญานาค แต่ที่ทำให้ผมหูผึ่งและขนลุก กลับเป็นเรื่องเล่าที่ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ เรื่องเกิดขึ้นในราวเดือนมกราคม พ.ศ.  2532  มีคนมาว่าจ้างให้หนังเร่ ไปฉายที่บ้านวังทอง อำเภอบ้านดุง  ห่างจากตัวเมืองอุดรธานีประมาณ  100  กิโลเมตร โดยค่าจ้างตกลงกันไว้ 4,000 บาท มีหนังฉาย 3-4 เรื่อง แต่มีข้อตกลงกันว่า ให้ฉาย 3 ทุ่มถึงแค่ตี 4 เท่านั้น ห้ามฉายถึงสว่าง พอตี 4 ก็ให้รีบเก็บข้าวของออกจากสถานที่ฉาย ซึ่งทางเจ้าของหนังแร่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร เพราะเห็นว่าเป็นความต้องการของผู้มาว่าจ้าง ทางเจ้าของก็ส่งให้เจ้าหน้าที่ไปตามวันและเวลาที่ได้นัดหมายหนังเริ่ม ฉายตั้งแต่ตอน 3 ทุ่ม ในตอนหัวค่ำไม่เห็นผู้คน ก็ยังสงสัยว่าหายไปไหนหมด แต่พอ3ทุ่มก็มีคนมาเป็นจำนวนมาก และที่แปลกคือ ผู้หญิงซึ่งนุ่งขาวห่มขาวจะนั่งอยู่ด้านหนึ่ง ส่วนผู้ชายใส่เสื้อผ้าสีดำจะนั่งอีกข้างหนึ่ง และคนทั้งหมดก็นั่งกันสงบเงียบเรียบร้อยเหมือนจะไม่เคลื่อนไหวตัว และที่ยิ่งกว่านั้นคือ ไม่ว่าจะฉายหนังอะไร ก็ไม่มีการส่งเสียงหรือแสดงความรู้สึก เหมือนกับฉายหนังกลางแปลงทั่วๆไป ฉายหนังบู๊ ก็เฉย ฉายหนังตลกก็เฉย  คนเราอย่างน้อยถึงเป็นคนจริงจังยังไงผมว่าต้องแสดงออกมาบ้าง ว่าชอบหรือไม่ชอบ แต่นี้กลับอยู่ในอาการที่สงบ   แต่ที่น่าสังเกต อีกอย่างคือปกติเวลามีการฉายหนังกลางแปลงในต่างจังหวัด ก็เหมือนกับมีงานเทศกาลสร้างความครึกครื้นให้คนในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก ร้านค้า ร้านอาหาร ต่างพากันมาเปิดเพื่อซื้อขายกันมากมาย งานนี้ กลับไม่มีเลย บรรยากาศโดยรอบดูเย็นยะเยือกไปหมด พอถึงตี 4 มีคนมาบอกว่าให้เก็บข้าวของไปได้แล้ว อีกทั้งยังสั่งว่าเมื่อเก็บข้าวของเสร็จแล้ว ห้ามเหลียวหลังกลับมาดูเด็ดขาด พอทางเจ้าหน้าที่เก็บของและจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ออกเดินทางออกจากที่ทำ การฉายหนัง แต่ก็เอะใจในคำสั่ง เลยหันกลับไปดู เท่านั้นแหละพี่น้องครับพวกคนดูก็ไม่รู้หายไปไหนกันหมด หายไปอย่างรวดเร็ว ทำเอาต่างฉงนสงสัย อีกทั้งพื้นที่ตรงนั้นกลับเป็นป่าทึบที่แม้ที่ๆ จะเอาจอหนังขึงยังแทบจะไม่มี พอขับรถมาถึงหมู่บ้านวังทองตอนเช้า ก็แวะซื้อของที่ร้านค้า ชาวบ้านเลยถามว่าไปฉายหนังที่ไหนมา เจ้าหน้าที่ ก็บอกว่าฉายในหมู่บ้านวังทอง แต่ชาวบ้านกลับยืนยันว่าไม่มีหนังมาฉายในหมู่บ้านเลย แม้กระทั่งเสียงยังไม่ได้ยิน เรื่องก็เลยยุ่งว่าเมื่อคืน    ไปฉายหนังที่ไหนมา ในที่สุดเมื่อสอบถามกันจนเป็นที่เข้าใจ ไปฉายหนังที่ใน ดงคำชะโนดซึ่งเป็นสถานที่ ลี้ลับที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเมืองพญานาค มีภูตผีปีศาจสิงสถิตอยู่ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับหมู่บ้านวังทองนี่เอง  ก็เลยเชื่อว่า  “ถูกผีจ้างไปฉายหนังจริงอย่างที่ชาว บ้านว่า”  
               ปัจจุบันชาวบ้านเชื่อว่า ดงคำชะโนดเป็นที่อาศัยของพญานาคและเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ ก่อนที่จะเข้าไป มีข้อห้ามเช่น ห้ามใส่รองเท้า หมวก แว่นตา  และร่ม ทางเข้ามีรูปปั้นพญานาค 2 ตัว 7  เศียร อยู่ซ้ายขวาลำตัวยาวเข้าไปในป่าดง คำชะโนด ซึ่งคล้ายสะพานที่ทอดยาวผ่านท้องนาสู่ป่าที่ดูจากภายนอกแล้ว ลึกลับซ่อนเร้นน่าพิศวง ผมเดินสู่ดงคำชะโนด ด้วยความตรวจตราอย่างพินิจพิเคราะห์ ส่วนใหญ่พืชที่ขึ้นเป็น ต้นชะโนด ลักษณะคล้ายต้นหมาก ปาล์ม ต้นตาลและมะพร้าวมารวมกัน เดินไปประมาณ 200-300 เมตร ก็จะพบศาล ที่มีผู้คนมาสักการะ บูชา บริเวณใกล้มีฆ้องไว้ให้คนที่มาลูบ เชื่อว่าใครที่ลูบจนเกิดเสียงคนนั้นจะโชคดี ไม่ไกลกันนักเป็นบ่อน้ำที่เชื่อกันว่าเป็นเส้นทางที่จะไปสู่เมืองบาดาล  ใครที่มีโอกาสได้มาอย่าลืมดื่มน้ำหรือเอามาพรม เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้หายจากโรคภัยและเสริมมงคลให้กับตัวเอง ส่วนใหญ่ผู้ที่มาท่องเที่ยวมักพลาดไม่ได้ที่จะปฏิบัติตาม เพราะอย่างน้อยก็ทำให้เกิดความสบายใจครับ ผมเดินกลับออกมาโดยที่ไม่กลับไปเหลียวหลังเพราะว่าบางที อาจจะไม่เห็น ดงป่าคำชะโนดนี้ก็เป็นได้  ความเชื่อหรือตำนานเรื่องเล่าเป็นความเชื่อแล้วแต่บุคคล แต่อย่างน้อยก็ทำให้เรามองเห็นที่มาความเป็นไปและนึกภาพย้อนตามได้อย่างมี อรรถรส อีกทั้งการเดินทางมา คำชะโนด ครั้งนี้ก็ถือว่าได้มาพบสถานที่ใหม่และผู้คน อย่างน้อยก็ไม่ทำให้คาใจว่าเราเคยเดินทางสู่คำชะโนด เมืองวังบาดาลของพญานาคาหรือยัง




ผลงานนักเรียน T.W. 6/3 ประเทศบรูไน

ผลงานนักเรียน T.W. 6/3 ประเทศเมียนมาร์